เสียงจากแคมป์คนงาน: เมื่อ "ซอ" กับ "มิน" คุยเรื่องค่าแรง 400

หลังเลิกงานก่อสร้างที่ฝุ่นตลบมาทั้งวัน ซอ หนุ่มพม่าที่มาทำงานในไทยได้ 5 ปีแล้ว กับ มิน ที่เพิ่งมาได้ไม่ถึงปี นั่งล้อมวงกินข้าวเหนียวส้มตำอยู่หน้าห้องเช่าเล็กๆ บทสนทนาของพวกเขาวันนี้ ก็ไม่พ้นเรื่องความหวังที่สำคัญที่สุดของชีวิตคนหาเช้ากินค่ำ

มิน: (ยื่นโทรศัพท์ให้ซอดู บนจอมีข่าวภาษาไทย) พี่ซอ... พี่ซอ... ดูนี่สิ เขาว่า... เงิน... ขึ้น... สี่ร้อยบาท! ดีใจนะ!

ซอ: (มองจอแวบหนึ่ง แล้วเคี้ยวส้มตำต่ออย่างเนือยๆ) โอ้ย... มินเอ๊ย... ข่าวนี้... พี่เห็นมานานแล้ว เขาพูด... พูด... แต่ยังไม่ได้

มิน: ทำไมล่ะพี่? รัฐบาล... เขาบอกจะให้ไม่ใช่เหรอ? ถ้าได้ 400... ผมส่งเงินให้แม่ที่พม่า... ได้เยอะเลยนะ อยากซื้อโทรศัพท์ใหม่ให้แม่ด้วย

ซอ: (ถอนหายใจ) พี่ก็อยากได้... ใครไม่อยากได้... แต่เจ้านายเราสิ... เขาจะให้เหรอ? พี่เห็นในทีวี... เขาประชุม... ประชุม... แล้วก็... "ล่ม" (ซอพยายามออกเสียงให้ชัด) เจ้านายใหญ่ๆ เขาไม่ไป... เขาไม่ยอม

มิน: (ทำหน้างง) ไม่ยอม... ทำไม? เราทำงานเหนื่อยนะพี่... ตากแดด... ยกของหนัก... ทำไมเขาใจร้าย?

ซอ: เขาว่า... ถ้าให้เรา 400... เขาต้องจ่ายเงินเยอะ... เขาไม่มีเงิน... เขาอาจจะ... ไล่เราออก... แล้วเอาคนไทย... หรือเอาเครื่อง... เครื่องจักร... มาทำงานแทนเรา... แบบนั้น... เราแย่เลยนะมิน ไม่มีงานทำ

มิน: (หน้าเสียไปเล็กน้อย) จริงเหรอพี่... ผมไม่เคยคิดเลย... ผมคิดว่าเงินขึ้น... เราสบาย...

ซอ: ยังมีอีก... ถ้าเราได้เงินเยอะขึ้น... ของที่ตลาด... ก็แพงขึ้นนะมิน... ข้าว... ไข่... ปลากระป๋อง... ส้มตำจานนี้... อาจจะ 70... 80 บาท... สุดท้าย... เงิน 400... ก็อาจจะเหมือน 300 กว่าบาทวันนี้... เหนื่อยเท่าเดิม

มิน: (เงียบไปพักหนึ่ง ก้มหน้ามองจานข้าว) ฟังพี่ซอพูด... ผม... ไม่แน่ใจแล้ว... ว่าดีใจ... หรือกลัวดี... มันยากนะพี่

ซอ: (ตบบ่ามินเบาๆ) เออน่ะ... มันยาก... ชีวิตเราก็แบบนี้แหละ... แต่ก็ต้องหวังไว้... หวังว่าเขาจะให้เรา... แล้วก็หวังว่าเจ้านายจะไม่ไล่เราออก... หวังว่าของจะไม่แพง... หวังเยอะหน่อย (หัวเราะแห้งๆ)

มิน: ครับพี่... ได้แต่หวัง...

ซอ: มาๆ กินข้าวก่อน... พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปทำงานอีก... เรื่องเงิน 400... ก็รอดูต่อไป... ได้แต่รอ... กินๆๆ เดี๋ยวไม่อร่อย

ทั้งคู่ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ ท่ามกลางความมืดที่เริ่มโรยตัว ความหวังเรื่องค่าแรง 400 บาทสำหรับพวกเขา ไม่ใช่แค่ตัวเลขสวยๆ ในข่าว แต่เป็นอนาคตของครอบครัวที่รออยู่ข้างหลัง เป็นความฝันที่ต้องแลกมากับความกลัวและความไม่แน่นอนในทุกๆ วัน


นี่คือบทสนทนา "เสียงจากแคมป์คนงาน" ที่เป็นภาษาพม่าทั้งหมด 

အလုပ်သမားစခန်းမှ အသံတစ်သံ - စောနှင့်မင်းတို့၏ ဘတ် ၄၀၀ လုပ်ခအကြောင်း

ဖုန်ထူသော ဆောက်လုပ်ရေးလုပ်ငန်းခွင်မှ တစ်နေ့တာလုံး ပင်ပန်းစွာအလုပ်လုပ်ပြီးနောက်၊ ထိုင်းနိုင်ငံတွင် အလုပ်လုပ်နေသည်မှာ ၅ နှစ်ရှိပြီဖြစ်သော မြန်မာစောနှင့် ရောက်လာသည်မှာ တစ်နှစ်မပြည့်သေးသော မင်းတို့သည် သေးငယ်သောငှားห้องရှေ့တွင် ကောက်ညှင်းနှင့် သင်္ဘောသီးသုပ်ကို ဝိုင်းဖွဲ့စားသောက်နေကြသည်။ သူတို့၏ ယနေ့စကားဝိုင်းသည် တစ်နေ့หาတစ်နေ့စားဘဝ၏ အရေးကြီးဆုံးသော မျှော်လင့်ချက်အကြောင်းပင် ဖြစ်သည်။

မင်း: (ဖုန်းကို စောအား ပြရင်း၊ ဖုန်းမျက်နှာပြင်ပေါ်တွင် ထိုင်းဘာသာဖြင့်ရေးထားသော သတင်းတစ်ခုရှိနေသည်) အစ်ကိုစော... အစ်ကိုစော... ဒီမှာကြည့်စမ်း။ သူတို့ပြောတယ်... ပိုက်ဆံ... တက်ပြီ... လေးရာဘတ်တဲ့! ပျော်လိုက်တာ!

စော: (ဖုန်းမျက်နှာပြင်ကို ခဏ힐끗ကြည့်ပြီး သင်္ဘောသီးသုပ်ကို ပျင်းရိစွာဆက်စားရင်း) ဟူး... မင်းရာ... ဒီသတင်း... အစ်ကိုမြင်နေတာကြာပြီ။ သူတို့က... ပြော... ပြောနေတာပဲ... တကယ်မရသေးဘူး။

မင်း: ဘာလို့လဲ အစ်ကို؟ အစိုးရက... ပေးမယ်ပြောတာ မဟုတ်ဘူးလား؟ ၄၀၀ ရရင်... ကျွန်တော် မြန်မာပြည်ကအမေ့ဆီ ပိုက်ဆံပို့လို့... အများကြီးရမှာ။ အမေ့အတွက် ဖုန်းအသစ်လည်း ဝယ်ပေးချင်တယ်။

စော: (သက်ပြင်းချရင်း) အစ်ကိုလည်း လိုချင်တာပေါ့... ဘယ်သူက မလိုချင်ဘဲနေမလဲ... ဒါပေမဲ့ ငါတို့သူဌေးကရော... သူက ပေးမှာလား؟ အစ်ကို တီဗီမှာတွေ့တယ်... သူတို့ အစည်းအဝေး... အစည်းအဝေးလုပ်... ပြီးတော့... ပျက်သွားတယ်တဲ့။ သူဌေးကြီးတွေက မတက်ဘူး... သူတို့သဘောမတူဘူး။

မင်း: (နားမလည်သော မျက်နှာဖြင့်) သဘောမတူဘူး... ဘာလို့လဲ؟ ငါတို့ ပင်ပင်ပန်းပန်းအလုပ်လုပ်ရတာကို... နေပူထဲ... ပစ္စည်းหนักတွေမ... ဘာလို့ သူတို့က ဒီလောက်ใจดำရတာလဲ؟

စော: သူတို့ပြောတာက... ငါတို့ကို ၄၀၀ ပေးရရင်... သူတို့ ပိုက်ဆံအများကြီးจ่ายရမယ်... သူတို့မှာ ပိုက်ဆံမရှိဘူးတဲ့... သူတို့က... ငါတို့ကိုအလုပ်ထုတ်ပြီး... ထိုင်းလူမျိုးကိုခန့်... ဒါမှမဟုတ် စက်... စက်ပစ္စည်းတွေနဲ့... ငါတို့အစားထိုးလိုက်နိုင်တယ်။ အဲ့လိုဆို... ငါတို့တော့ ဒုက္ခရောက်ပြီ မင်း၊ အလုပ်မရှိတော့ဘူး။

မင်း: (မျက်နှာငယ်သွားရင်း) တကယ်လား အစ်ကို... ကျွန်တော် အဲ့လိုတစ်ခါမှမတွေးဖူးဘူး... ပိုက်ဆံတိုးရင်... ငါတို့สบายပြီလို့ထင်တာ...

စော: နောက်တစ်ခုရှိသေးတယ်... ငါတို့လစာများလာရင်... ဈေးထဲက ပစ္စည်းတွေ... ဈေးတက်လာမှာ မင်း... ထမင်း... ကြက်ဥ... ငါးသေတ္တာ... ဒီသင်္ဘောသီးသုပ်တစ်ပွဲ... ဘတ် ၇၀... ၈၀ ဖြစ်သွားနိုင်တယ်။ နောက်ဆုံးတော့... ဘတ် ၄၀၀ က... ဒီနေ့ ဘတ် ၃၀၀ ကျော်လောက်ပဲ တန်တော့မှာ... အရင်ကလောက်ပဲ ပင်ပန်းနေဦးမှာပဲ။

မင်း: (ခဏငြိမ်သက်သွားပြီး ထမင်းပန်းကန်ကို ငုံ့ကြည့်ရင်း) အစ်ကိုစောပြောတာနားထောင်ပြီး... ကျွန်တော်... မသေချာတော့ဘူး... ပျော်ရမှာလား... ကြောက်ရမှာလား... ခက်ခဲလိုက်တာ အစ်ကိုရာ။

စော: (မင်း၏ပခုံးကို ဖြည်းညှင်းစွာပုတ်ရင်း) အေး... ခက်တယ်... ငါတို့ဘဝက ဒီလိုပဲ... ဒါပေမဲ့ မျှော်လင့်ရမှာပဲ... သူတို့ပေးလိမ့်မယ်လို့ မျှော်လင့်... သူဌေးက ငါတို့ကိုအလုပ်မထုတ်ဘူးလို့ မျှော်လင့်... ကုန်ဈေးနှုန်းမတက်ဘူးလို့ မျှော်လင့်... မျှော်လင့်စရာတွေများသား (ခြောက်ကပ်စွာရယ်လျက်)။

မင်း: ဟုတ်ကဲ့ အစ်ကို... မျှော်လင့်ရုံသက်သက်ပါပဲ...

စော: လာ... လာ... ထမင်းအရင်စား... မနက်ဖြန် အလုပ်သွားဖို့ စောစောထရဦးမယ်... ဘတ် ၄၀၀ ကိစ္စကတော့... ဆက်စောင့်ကြည့်ရမှာပဲ... စောင့်နေရုံပဲ... စား... စား... မဟုတ်ရင် အရသာမရှိတော့ဘူး။

မှောင်ရီပျိုးစအချိန်တွင် သူတို့နှစ်ယောက် ထမင်းကိုသာ အာရုံစိုက်စားနေကြသည်။ သူတို့အတွက် ဘတ် ၄၀၀ လုပ်ခ၏မျှော်လင့်ချက်သည် သတင်းထဲက လှပသောဂဏန်းတစ်ခုမျှသာမဟုတ်ဘဲ၊ နောက်တွင်ကျန်ရစ်ခဲ့သော မိသားစု၏အနာဂတ်၊ နေ့စဉ်ကြုံတွေ့နေရသော ကြောက်ရွံ့မှုနှင့် မသေချာမရေရာမှုများနှင့် လဲလှယ်ယူရသော အိပ်မက်တစ်ခုပင်ဖြစ်သည်။

#ဘတ်၄၀၀လုပ်ခ #ค่าแรง400บาท 

#အလုပ်သမားအသံ #เสียงแรงงาน 

#မြန်မာအလုပ်သမား #แรงงานพม่า 

#ထိုင်းနိုင်ငံရောက်မြန်မာ #พม่าในเมืองไทย 

#လုပ်ခမျှော်လင့်ချက် #ความหวังเรื่องค่าแรง 

เป็นคำถามที่สำคัญและเป็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางครับ การจะตอบว่าค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทต่อวัน "จะเป็นจริงหรือไม่" นั้น ต้องวิเคราะห์จากหลายปัจจัยที่ขัดแย้งกันอยู่ ดังนี้ครับ

ปัจจัยที่ สนับสนุน ให้ค่าจ้าง 400 บาทเกิดขึ้นจริง

 * เป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาล: การปรับขึ้นค่าแรงเป็น 400 บาท คือนโยบายสำคัญที่พรรคเพื่อไทยใช้ในการหาเสียงและได้แถลงไว้เป็นนโยบายหลักของรัฐบาล ดังนั้นรัฐบาลจึงมีแรงผลักดันทางการเมืองอย่างสูงที่จะต้องทำนโยบายนี้ให้สำเร็จเพื่อรักษาความน่าเชื่อถือ

 * แรงกดดันจากฝ่ายลูกจ้างและประชาชน: ค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ฝ่ายลูกจ้างและเครือข่ายแรงงานออกมาเรียกร้องให้มีการปรับขึ้นค่าแรงอย่างจริงจัง เพื่อให้มีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ

 * แนวคิดกระตุ้นเศรษฐกิจ: รัฐบาลเชื่อว่าการเพิ่มรายได้ให้ประชาชนในระดับฐานราก จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ เมื่อคนมีเงินมากขึ้น ก็จะนำไปสู่การจับจ่ายใช้สอยที่สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมให้เติบโต

ปัจจัยที่ ท้าทาย และเป็นอุปสรรค

 * การคัดค้านจากฝ่ายนายจ้าง: นี่คืออุปสรรคที่ใหญ่ที่สุด ดังที่เห็นในภาพที่คุณส่งมา (ประชุมล่มเพราะฝั่งนายจ้างไม่เข้าร่วม) โดยฝ่ายนายจ้างให้เหตุผลว่า:

   * ต้นทุนพุ่งสูง: การปรับค่าแรงขึ้นทันทีจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อต้นทุนของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น เช่น เกษตรกรรม, สิ่งทอ, ก่อสร้าง

   * สูญเสียความสามารถในการแข่งขัน: อาจทำให้ความสามารถในการแข่งขันของประเทศลดลง เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีค่าแรงต่ำกว่า เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย

   * ความเสี่ยงต่อการเลิกจ้าง: ผู้ประกอบการบางรายอาจแบกรับต้นทุนไม่ไหว และจำเป็นต้องลดขนาดกิจการ หรือเลิกจ้างงานเพื่อความอยู่รอด

 * กลไกคณะกรรมการไตรภาคี: การตัดสินใจปรับขึ้นค่าแรงไม่ได้ขึ้นอยู่กับรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องผ่านความเห็นชอบจาก คณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) ซึ่งประกอบด้วยตัวแทน 3 ฝ่าย คือ รัฐบาล, นายจ้าง, และลูกจ้าง หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่เห็นด้วย (โดยเฉพาะฝ่ายนายจ้าง) ก็ยากที่จะหาข้อสรุปได้ ทำให้เกิดภาวะ "ประชุมล่ม" ซ้ำแล้วซ้ำอีก

 * สภาพเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง: เศรษฐกิจไทยในภาพรวมยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ในบางภาคส่วน การปรับขึ้นค่าแรงแบบก้าวกระโดดอาจเป็น "ยาแรง" เกินไป และสร้างความเสี่ยงต่อภาวะเงินเฟ้อที่อาจสูงขึ้นได้

สถานการณ์ที่เป็นไปได้

จากการประเมินปัจจัยทั้งหมด รูปแบบที่ "ค่าจ้าง 400 บาท" จะเกิดขึ้นจริง อาจไม่ใช่การประกาศใช้พร้อมกันทั่วประเทศในทันที แต่มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในลักษณะต่อไปนี้มากกว่า:

 * การทยอยปรับขึ้นเป็นบางพื้นที่ (Pilot Project): รัฐบาลอาจเริ่มนำร่องในจังหวัดที่มีความพร้อมทางเศรษฐกิจสูงและมีค่าครองชีพสูง เช่น ภูเก็ต, ชลบุรี, ระยอง, กรุงเทพฯ ก่อน แล้วจึงขยายไปยังจังหวัดอื่นๆ ต่อไป

 * การปรับขึ้นในบางประเภทกิจการ: อาจมีการกำหนดอัตราค่าจ้างตามประเภทกิจการที่มีศักยภาพในการจ่ายสูง เช่น ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวในเมืองใหญ่, อุตสาหกรรมส่งออกที่มีกำไรสูง

 * การหาตัวเลขประนีประนอม: อาจมีการเจรจาต่อรองในคณะกรรมการไตรภาคี เพื่อหาตัวเลขที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ ซึ่งอาจจะไม่ใช่ 400 บาทในทันที แต่อาจเป็นตัวเลขที่สูงขึ้นกว่าปัจจุบันอย่างมีนัยสำคัญ

สรุป:

โอกาสที่ค่าจ้าง 400 บาท "จะเป็นจริง" นั้นมีอยู่สูง เนื่องจากเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลที่มีแรงผลักดันทางการเมือง แต่ "รูปแบบและระยะเวลา" ของการเกิดขึ้นจริงนั้นไม่น่าจะใช่การปรับขึ้น 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศในเร็วๆ นี้ แต่มีแนวโน้มสูงที่จะเป็นการ "ทยอยปรับขึ้น" หรือ "ปรับขึ้นแบบมีเงื่อนไข" เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจและหาจุดสมดุลระหว่างความต้องการของฝ่ายลูกจ้างและความอยู่รอดของฝ่ายนายจ้าง


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อัตราผลประโยชน์เงินบำเหน็จชราภาพ ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 ปีล่าสุด 2566

หมอบูรณ์ คือใคร (ประวัติหมอบูรณ์)

เป็นหนี้ โดนฟ้อง เงินประกันสังคมจะถูกยึดได้ไหม? มาตรา 64 พ.ร.บ. ประกันสังคม มีคำตอบ (ฉบับเข้าใจง่าย)