ตกงาน หนี้ท่วม...เงินว่างงานจะโดนอายัดไหม?
"ตกงาน หนี้ท่วม...เงินว่างงานจะโดนอายัดไหม?" บทสนทนาที่ร้านกาแฟกับทนายใจดี
ตัวละคร:
* เอนก: พนักงานขายบริษัทเอกชน วัย 35 ปี กำลังเผชิญสถานการณ์ถูกเลิกจ้าง และมีคำพิพากษาให้ชำระหนี้บัตรกดเงินสด 200,000 บาท
* สุชาติ: ทนายความรุ่นพี่ของเอนก ใจดีและมีความรู้
**(ณ ร้านกาแฟบรรยากาศสบายๆ เอนกนั่งตรงข้ามสุชาติด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล)
เอนก: "พี่สุชาติครับ... ผมมีเรื่องกลุ้มใจอยากจะปรึกษาพี่หน่อยครับ"
สุชาติ: (วางแก้วกาแฟลง ยิ้มให้อย่างใจดี) "ว่ามาเลยเอนก มีอะไรให้พี่ช่วย สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลยนะเรา"
เอนก: "คือ... เรื่องมันหลายอย่างเลยครับพี่ อย่างแรกเลยคือผมกำลังจะถูกเลิกจ้างสิ้นเดือนนี้ครับ บริษัทเขาลดขนาดองค์กร แล้วเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ผมเพิ่งได้รับหมายศาล เป็นคำพิพากษาให้ชำระหนี้บัตรกดเงินสดอยู่สองแสนบาทครับพี่"
สุชาติ: "โอ้โห... หนักเอาการเลยนะเอนก แล้วตอนนี้กังวลเรื่องอะไรมากที่สุดล่ะ?"
เอนก: "ผมเครียดมากเลยครับพี่ เงินเก็บก็ไม่ค่อยจะมี แล้วพอตกงาน ผมก็ต้องไปขึ้นทะเบียนรับเงินทดแทนกรณีว่างงานจากประกันสังคมใช่ไหมครับ ผมคำนวณคร่าวๆ น่าจะได้ประมาณ 45,000 บาท แต่ที่ผมกลัวที่สุดคือ... เจ้าหนี้เขาจะมาอายัดเงินว่างงานก้อนนี้ของผมไปหรือเปล่าครับพี่? ถ้าโดนอายัดไปอีก ผมคงแย่แน่ๆ เลยครับ"
สุชาติ: (พยักหน้าเข้าใจ) "พี่เข้าใจความกังวลของเอนกเลยนะ ในฐานะทนาย พี่พอจะให้ข้อมูลเรื่องนี้ได้ เรื่องเงินทดแทนกรณีว่างงานที่เอนกจะได้รับจากกองทุนประกันสังคมเนี่ย โดยหลักกฎหมายแล้ว มันมีกฎหมายคุ้มครองอยู่นะ"
เอนก: (ตาเบิกกว้างอย่างมีความหวัง) "จริงเหรอครับพี่! เงินว่างงานของผมจะไม่โดนอายัดเหรอครับ?"
สุชาติ: "ถูกต้องครับเอนก ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ในมาตรา 54 เนี่ย เขาบัญญัติไว้ชัดเจนเลยว่า 'สิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนตามพระราชบัญญัตินี้จะโอนกันมิได้ และไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี' พูดง่ายๆ ก็คือ สิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกันตนจะได้รับจากกองทุนประกันสังคม ซึ่งรวมถึงเงินทดแทนกรณีว่างงานด้วยเนี่ย เจ้าหนี้ไม่สามารถมาอายัดเพื่อนำไปชำระหนี้ได้"
เอนก: (ถอนหายใจอย่างโล่งอก) "โหย... พี่สุชาติพูดจริงใช่ไหมครับ ผมใจชื้นขึ้นเยอะเลย อย่างน้อยเงินก้อนนี้ก็ยังอยู่กับผม ไว้ใช้จ่ายระหว่างหางานใหม่"
สุชาติ: "จริงสิเอนก กฎหมายเขาเขียนไว้เพื่อคุ้มครองผู้ประกันตนในยามที่เดือดร้อน ประโยชน์ทดแทนทุกประเภทที่มาจากกองทุนประกันสังคม ไม่ว่าจะเป็นกรณีเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ว่างงาน หรือแม้แต่เงินบำเหน็จบำนาญชราภาพในอนาคต ก็อยู่ภายใต้ความคุ้มครองตามมาตรา 54 นี้ทั้งหมด"
เอนก: "ค่อยยังชั่วหน่อยครับพี่ แต่... ผมก็ยังสงสัยอยู่ครับว่า แล้วถ้าเป็นทรัพย์สินอื่นๆ หรือถ้าผมกลับไปมีงานทำ มีเงินเดือน เขาจะอายัดได้ไหมครับ?"
สุชาติ: "เป็นคำถามที่ดีนะเอนก เพื่อให้เข้าใจชัดเจนขึ้น คือแม้เงินประกันสังคมจะอายัดไม่ได้ แต่หนี้สินมันไม่ได้หายไปไหนนะ เจ้าหนี้เขาก็ยังมีสิทธิ์ติดตามทวงถาม หรือบังคับคดีกับทรัพย์สินหรือรายได้อื่นของเราที่กฎหมายไม่ได้คุ้มครอง เช่น:
* เงินฝากในบัญชีธนาคาร: โดยทั่วไปแล้ว เงินในบัญชีธนาคารสามารถถูกอายัดได้ทั้งหมด
* เงินเดือนหรือค่าจ้าง (ถ้าในอนาคตเอนกกลับไปทำงาน): ถ้าเงินเดือนไม่ถึง 20,000 บาทต่อเดือน ก็จะอายัดไม่ได้ แต่ถ้าเกิน 20,000 บาท เจ้าหนี้สามารถขออายัดส่วนที่เกินได้ โดยต้องเหลือให้เราไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท"
เอนก: "อ๋อ... เข้าใจแล้วครับพี่ อย่างน้อยตอนนี้ผมก็สบายใจเรื่องเงินว่างงานแล้ว ส่วนเรื่องหนี้สิน ผมคงต้องพยายามตั้งหลักหางานใหม่ แล้วค่อยๆ หาทางเจรจาหรือจัดการต่อไป"
สุชาติ: "ถูกต้องแล้วเอนก สิ่งสำคัญคือตอนนี้เราต้องตั้งสติ จัดการเรื่องการถูกเลิกจ้างให้เรียบร้อย ไปขึ้นทะเบียนรับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานตามขั้นตอน แล้วก็เริ่มมองหางานใหม่ ส่วนเรื่องหนี้สิน เมื่อเราพอจะตั้งหลักได้แล้ว ค่อยมาดูว่าจะเจรจากับเจ้าหนี้อย่างไรได้บ้าง หรืออาจจะต้องขอคำปรึกษาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาหนี้สิน"
เอนก: "ขอบคุณพี่สุชาติมากๆ เลยนะครับที่ให้คำแนะนำและความกระจ่างกับผมวันนี้ ผมรู้สึกมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยครับ"
สุชาติ: "ด้วยความยินดีเลยเอนก มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกได้เสมอ ถ้าไม่แน่ใจเรื่องสิทธิประกันสังคมต่างๆ ลองโทรสอบถามสายด่วนประกันสังคม 1506 ดูก็ได้นะ เขาพร้อมให้ข้อมูลอยู่แล้ว" "สู้ๆ นะ พี่เป็นกำลังใจให้"
(เอนกยิ้มออกมาได้ ใบหน้าคลายจากความกังวลไปมาก หลังจากได้รับคำปรึกษาและกำลังใจจากทนายรุ่นพี่ที่ใจดี)
การอายัดเงินประกันสังคม: ความคุ้มครองและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
I. บทนำ: ตอบข้อกังวลเกี่ยวกับการอายัดสิทธิประโยชน์จากกองทุนประกันสังคม
ข้อสงสัยที่ว่า "เงินประกันสังคม อายัดได้หรือไม่?" เป็นคำถามสำคัญและเป็นข้อกังวลที่พบได้บ่อยสำหรับผู้ประกันตนจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่อาจเผชิญกับปัญหาหนี้สินหรือความไม่แน่นอนทางการเงิน สิทธิประโยชน์จากกองทุนประกันสังคมถือเป็นหลักประกันและความช่วยเหลือในหลายช่วงชีวิต ตั้งแต่กรณีเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ว่างงาน ไปจนถึงเงินบำนาญชราภาพ ดังนั้น ความชัดเจนเกี่ยวกับสถานะทางกฎหมายของเงินเหล่านี้ต่อการถูกอายัดจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง รายงานฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คำตอบที่ชัดเจนและครอบคลุมในประเด็นดังกล่าว โดยอ้างอิงจากบทบัญญัติของกฎหมายไทยที่เกี่ยวข้อง
รายงานนี้จะอธิบายถึงบทบัญญัติทางกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองสิทธิประโยชน์จากกองทุนประกันสังคมจากการถูกอายัดโดยเจ้าหนี้
ความเข้าใจในประเด็นนี้จำเป็นต้องพิจารณาจากกฎหมายเฉพาะที่ควบคุมเรื่องประกันสังคมโดยตรง มิใช่เพียงหลักการทั่วไปในการบังคับคดีแพ่ง แม้ว่าหลักการทั่วไปเกี่ยวกับการอายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ เช่น การอายัดเงินเดือน จะเป็นที่ทราบกันอย่างกว้างขวาง แต่สิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกันตนได้รับจากกองทุนประกันสังคมนั้นมีสถานะพิเศษภายใต้กฎหมายเฉพาะ การทำความเข้าใจบทบัญญัติเฉพาะทางกฎหมายนี้จึงเป็นกุญแจสำคัญในการตอบคำถามของผู้ใช้ได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน
II. เกราะกำบังทางกฎหมาย: ความคุ้มครองสิทธิประโยชน์ประกันสังคมภายใต้กฎหมายไทย
รากฐานสำคัญที่ให้ความคุ้มครองแก่สิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนจากการถูกอายัดนั้น บัญญัติไว้ในกฎหมายหลักที่ควบคุมระบบประกันสังคมของประเทศไทย
ก. พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 – รากฐานสำคัญแห่งการคุ้มครอง
พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ถือเป็นกฎหมายหลักที่วางกรอบการดำเนินงานของระบบประกันสังคมในประเทศไทย กฎหมายฉบับนี้ได้จัดตั้งกองทุนประกันสังคมขึ้น และกำหนดสิทธิ หน้าที่ รวมถึงประเภทของประโยชน์ทดแทนที่ผู้ประกันตนพึงได้รับ การทำความเข้าใจบทบัญญัติในพระราชบัญญัตินี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อทราบถึงขอบเขตการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ดังกล่าว
ข. มาตรา 54: บทบัญญัติที่ห้ามการอายัดสิทธิประโยชน์อย่างชัดแจ้ง
หัวใจสำคัญของความคุ้มครองสิทธิประโยชน์จากกองทุนประกันสังคมจากการถูกบังคับคดีโดยเจ้าหนี้ อยู่ในมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 บทบัญญัติดังกล่าวระบุไว้อย่างชัดเจนว่า: "สิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนตามพระราชบัญญัตินี้จะโอนกันมิได้ และไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี"
การวิเคราะห์ถ้อยคำในมาตรานี้ สามารถแยกพิจารณาได้ดังนี้:
"โอนกันมิได้": หมายความว่า สิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนที่ผู้ประกันตนจะได้รับจากกองทุนประกันสังคมนั้น เป็นสิทธิเฉพาะตัว ผู้ประกันตนไม่สามารถโอนสิทธินี้ให้แก่บุคคลอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นการโอนโดยสมัครใจหรือถูกบังคับก็ตาม เจ้าหนี้จึงไม่สามารถบังคับให้ผู้ประกันตนลงนามยินยอมโอนสิทธิประโยชน์ในอนาคตเพื่อชำระหนี้ได้
"ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี": ส่วนนี้คือการให้ความคุ้มครองโดยตรงจากการถูกอายัดหรือยึดทรัพย์เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาล หมายความว่า เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไม่สามารถร้องขอต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีให้อายัดเงินประโยชน์ทดแทนที่ผู้ประกันตนมีสิทธิจะได้รับจากกองทุนประกันสังคมได้ ไม่ว่าเงินนั้นจะยังอยู่ที่สำนักงานประกันสังคม หรือได้โอนเข้าบัญชีของผู้ประกันตนแล้ว หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นเงินที่มาจากสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายประกันสังคม
บทบัญญัติในมาตรา 54 นี้มีลักษณะเป็นการให้ความคุ้มครองอย่างเด็ดขาดแก่ตัว "สิทธิประโยชน์ทดแทน" ที่จ่ายให้แก่ผู้ประกันตน ซึ่งแตกต่างจากทรัพย์สินหรือรายได้ประเภทอื่นที่อาจมีการคุ้มครองแบบมีเงื่อนไข เช่น เงินเดือนซึ่งจะมีการกำหนดเพดานขั้นต่ำที่ไม่อาจอายัดได้ แต่สำหรับสิทธิประโยชน์จากกองทุนประกันสังคมตามมาตรา 54 นี้ กฎหมายไม่ได้กำหนดเงื่อนไขหรือข้อยกเว้นใดๆ ที่จะเปิดช่องให้เจ้าหนี้สามารถอายัดได้เลย แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการให้ผู้ประกันตนได้รับประโยชน์ทดแทนเหล่านี้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพื่อเป็นหลักประกันในการดำรงชีพ
ค. ขอบเขตของ "ประโยชน์ทดแทน" ที่ได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 54
คำว่า "ประโยชน์ทดแทน" (หรือ "สิทธิประโยชน์") ภายใต้พระราชบัญญัติประกันสังคมนั้นมีความหมายครอบคลุมถึงเงินหรือบริการต่างๆ ที่กองทุนประกันสังคมจ่ายให้แก่ผู้ประกันตนในกรณีต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนด ตัวอย่างของประโยชน์ทดแทนเหล่านี้ ได้แก่ :
ประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย (เช่น ค่ารักษาพยาบาล เงินทดแทนการขาดรายได้จากการเจ็บป่วย)
ประโยชน์ทดแทนในกรณีคลอดบุตร (เช่น ค่าคลอดบุตร เงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร)
ประโยชน์ทดแทนในกรณีทุพพลภาพ (เช่น เงินทดแทนการขาดรายได้กรณีทุพพลภาพ ค่าใช้จ่ายในกระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพ)
ประโยชน์ทดแทนในกรณีตาย (เช่น ค่าทำศพ เงินสงเคราะห์กรณีตาย)
ประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร (เงินช่วยเหลือรายเดือนสำหรับบุตรของผู้ประกันตน)
ประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ (เช่น เงินบำเหน็จชราภาพ หรือเงินบำนาญชราภาพ)
ประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน (เงินทดแทนระหว่างการว่างงาน)
ความคุ้มครองตามมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 นั้นครอบคลุมประโยชน์ทดแทนทุกประเภทที่กล่าวมาข้างต้น ตราบใดที่เป็นสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกันตนได้รับจากกองทุนประกันสังคมตามกฎหมายนี้ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเงินบำนาญชราภาพที่ผู้ประกันตนได้รับเป็นรายเดือน หรือเงินทดแทนการขาดรายได้กรณีเจ็บป่วย หรือเงินสงเคราะห์บุตร ล้วนแล้วแต่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองนี้ทั้งสิ้น การให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมเช่นนี้สะท้อนถึงความมุ่งหมายของกฎหมายประกันสังคมที่ต้องการสร้างหลักประกันทางสังคมที่มั่นคงและเป็นที่พึ่งให้แก่ผู้ประกันตนในยามจำเป็นต่างๆ โดยไม่ให้ถูกกระทบกระเทือนจากการถูกบังคับชำระหนี้
III. หลักเกณฑ์ทั่วไปเกี่ยวกับการอายัดทรัพย์สินในประเทศไทย: สิ่งใดบ้างที่อาจถูกอายัดได้?
เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับความคุ้มครองพิเศษของสิทธิประโยชน์จากกองทุนประกันสังคม การทำความเข้าใจหลักเกณฑ์ทั่วไปในการอายัดทรัพย์สินและรายได้ประเภทอื่นภายใต้กฎหมายบังคับคดีของไทยจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ซึ่งจะช่วยให้เห็นความแตกต่างและความสำคัญของมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคมได้ชัดเจนขึ้น
ก. วัตถุประสงค์ของส่วนนี้
ส่วนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายบริบทของกฎหมายบังคับคดีทั่วไปในประเทศไทย โดยชี้ให้เห็นว่าทรัพย์สินหรือรายได้ประเภทใดบ้างที่เจ้าหนี้สามารถอายัดได้ตามกฎหมาย และมีเงื่อนไขอย่างไร เพื่อเปรียบเทียบกับความคุ้มครองที่สิทธิประโยชน์จากกองทุนประกันสังคมได้รับ
ข. การอายัดเงินเดือนและค่าตอบแทนอื่นๆ
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม ได้กำหนดหลักเกณฑ์การอายัดเงินเดือน ค่าจ้าง และค่าตอบแทนอื่นๆ ของลูกหนี้ไว้ดังนี้:
เกณฑ์เงินเดือนขั้นต่ำที่ไม่อาจอายัด: โดยทั่วไป เงินเดือนหรือค่าจ้างในจำนวนไม่เกิน 20,000 บาทต่อเดือน จะไม่สามารถถูกอายัดได้
การอายัดเงินเดือนส่วนที่เกิน: หากลูกหนี้มีเงินเดือนเกิน 20,000 บาท เจ้าหนี้สามารถร้องขอให้อายัดเงินเดือนในส่วนที่เกินกว่า 20,000 บาทนั้นได้ แต่ทั้งนี้จะต้องเหลือเงินให้ลูกหนี้ไม่น้อยกว่าเดือนละ 20,000 บาท
ค่าตอบแทนประเภทอื่น:
เงินโบนัส: อาจถูกอายัดได้ไม่เกินร้อยละ 50
เงินค่าล่วงเวลา (โอที) เบี้ยขยัน หรือเงินค่าคอมมิชชั่น: อาจถูกอายัดได้ไม่เกินร้อยละ 30
เงินตอบแทนกรณีออกจากงาน หรือค่าชดเชย (สำหรับลูกจ้างเอกชน): ส่วนที่เกิน 300,000 บาท อาจถูกอายัดได้ทั้งหมด ในขณะที่บางแหล่งข้อมูลระบุว่าส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท เป็นข้อยกเว้นไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ซึ่งหมายความว่าส่วนที่เกินกว่านั้นอาจถูกอายัดได้
ค. บัญชีเงินฝากธนาคาร
โดยทั่วไปแล้ว เงินฝากในบัญชีธนาคารของลูกหนี้สามารถถูกเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาร้องขอให้อายัดได้ทั้งหมด เพื่อนำมาชำระหนี้
ง. ทรัพย์สินที่ได้รับการยกเว้นการอายัดโดยชัดแจ้ง (นอกเหนือจากสิทธิประโยชน์ประกันสังคมตามมาตรา 54)
นอกเหนือจากสิทธิประโยชน์จากกองทุนประกันสังคมที่ได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 54 แล้ว ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) ยังได้กำหนดทรัพย์สินหรือสิทธิเรียกร้องบางประเภทที่ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี (อายัดไม่ได้) ได้แก่ :
เงินเดือน ค่าจ้าง บำนาญ บำเหน็จ เบี้ยหวัด หรือรายได้อื่นในลักษณะเดียวกันของข้าราชการ เจ้าหน้าที่ หรือลูกจ้างในหน่วยงานราชการ
เงินกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)
เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
เงินสงเคราะห์หรือเบี้ยต่างๆ ที่รัฐจ่ายให้เพื่อช่วยเหลือบุคคล เช่น เบี้ยความพิการ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ (ซึ่งเป็นคนละส่วนกับเงินบำนาญชราภาพจากกองทุนประกันสังคม)
เงินฌาปนกิจสงเคราะห์ที่ลูกหนี้ได้รับอันเนื่องมาจากการตายของบุคคลอื่น
จ. ตารางสรุปสถานะการคุ้มครองทรัพย์สิน/รายได้ประเภทต่างๆ จากการถูกอายัด
เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น สามารถสรุปสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินและรายได้ประเภทต่างๆ จากการถูกอายัดได้ดังตารางต่อไปนี้:
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น