กฎหมายใหม่ รปภ. มีผล 24 เม.ย. 2569: ประกาศอัตราโอที 1.25 เท่า/2.5 เท่า เปรียบเทียบรายได้ กทม.-ปริมณฑล "เดิม vs ใหม่" เพิ่มขึ้นกว่า 27%!
ข่าวดีและเป็นความเปลี่ยนแปลงสำคัญสำหรับพนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ทั่วประเทศ เมื่อ กฎกระทรวงกำหนดค่าล่วงเวลาค่าตอบแทนการทำงานที่เกินวันละแปดชั่วโมง ในงานเฝ้าดูแลสถานที่หรือทรัพย์สินอันเป็นหน้าที่การทำงานปกติของลูกจ้าง พ.ศ. 2568 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว โดยจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 24 เมษายน 2569
หัวใจสำคัญของกฎกระทรวงฉบับนี้ คือการยกเลิกกฎกระทรวงเดิม พ.ศ. 2552 ที่เคยมียกเว้นไม่ให้พนักงาน รปภ. ได้รับค่าล่วงเวลา และกำหนดอัตราค่าล่วงเวลาและค่าตอบแทนการทำงานในวันหยุดสำหรับงานลักษณะดังกล่าวขึ้นใหม่ เพื่อให้ลูกจ้างในสายงานนี้ได้รับการคุ้มครองและค่าตอบแทนที่เป็นธรรม สอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน
ตามประกาศในกฎกระทรวง พ.ศ. 2568 ซึ่งรายงานโดยสื่อต่างๆ (เช่น PPTV Online วันที่ 25 เม.ย. 2568) ได้กำหนดอัตราค่าตอบแทนขั้นต่ำสำหรับพนักงาน รปภ. ดังนี้:
* ค่าล่วงเวลาในวันทำงาน: ไม่น้อยกว่า 1.25 เท่า ของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมง สำหรับชั่วโมงที่ทำงานเกิน 8 ชั่วโมง
* ค่าตอบแทนการทำงานในวันหยุด: ไม่น้อยกว่า 2.5 เท่า ของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมง (สำหรับชั่วโมงที่ทำงานในวันหยุด)
บทความนี้จะเจาะลึกการเปลี่ยนแปลงนี้ ด้วยการเปรียบเทียบรายได้ของพนักงาน รปภ. ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยใช้ฐานค่าจ้างขั้นต่ำและชั่วโมงทำงานตามสมมติฐานที่เรากำหนด และนำอัตราค่าล่วงเวลาใหม่ตามกฎกระทรวงมาใช้ในการคำนวณ
บริบทเดิม: การจ่ายตามชั่วโมงทำงานจริง (ไม่มี OT อัตราพิเศษตามกฎหมาย)
ก่อนที่กฎกระทรวงฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้ แนวปฏิบัติในการจ่ายค่าตอบแทนพนักงาน รปภ. ที่ทำงานกะยาว เช่น 12 ชั่วโมง มักจะคำนวณโดยนำจำนวนชั่วโมงทำงานทั้งหมด (12 ชั่วโมง) คูณด้วยอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงโดยตรง โดยไม่ได้มีการใช้อัตราค่าล่วงเวลา 1.5 เท่า หรือ 3 เท่า ตามหลักการทั่วไปของพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฯ สำหรับชั่วโมงที่เกิน 8 ชั่วโมงนั้น
หากอิงตามค่าจ้างขั้นต่ำในพื้นที่ กทม.-ปริมณฑล (ประมาณ 46.5 บาท/ชั่วโมง จากฐาน 370 บาท/วัน ปี 2567) การทำงาน 12 ชั่วโมง ก็จะคิดเป็น 12 × 46.5 บาท
การเปลี่ยนแปลงตามกฎกระทรวง พ.ศ. 2568: การบังคับใช้อัตราค่าล่วงเวลา 1.25 เท่า และ 2.5 เท่า
กฎกระทรวงใหม่นี้ได้เข้ามาแก้ไข โดยกำหนดให้ชั่วโมงการทำงานที่เกินกว่า 8 ชั่วโมงต่อวันของพนักงาน รปภ. ต้องได้รับการคิดค่าล่วงเวลา และชั่วโมงทำงานในวันหยุดต้องได้รับค่าตอบแทนในอัตราพิเศษ ตามที่กฎหมายกำหนด
ภายใต้หลักการใหม่นี้ การทำงานกะ 12 ชั่วโมงต่อวัน จะต้องถูกแยกคิดตามอัตราในกฎกระทรวง พ.ศ. 2568 ดังนี้:
* ในวันทำงานปกติ: 8 ชั่วโมงแรก คิดอัตราปกติ (1 เท่า), 4 ชั่วโมงหลัง คิดเป็นค่าล่วงเวลา 1.25 เท่า
* ในวันหยุด: ชั่วโมงทำงานทั้งหมดในวันหยุด (12 ชั่วโมง) คิดเป็นค่าตอบแทนการทำงานในวันหยุด ในอัตราไม่น้อยกว่า 2.5 เท่า
การคำนวณเปรียบเทียบรายได้: สูตรเดิม vs สูตรใหม่ (ตามกฎกระทรวง พ.ศ. 2568)
เราจะคำนวณเปรียบเทียบรายได้รายเดือน โดยใช้สมมติฐานดังนี้:
* พื้นที่: กรุงเทพฯ และปริมณฑล
* ค่าจ้างขั้นต่ำ: 46.5 บาท/ชั่วโมง
* ชั่วโมงทำงานต่อวัน: 12 ชั่วโมง
* จำนวนวันทำงานต่อเดือน: 30 วัน
* รวมชั่วโมงทำงานต่อเดือน: 360 ชั่วโมง
* แบ่งวันทำงาน: วันทำงานปกติ 26 วัน, วันหยุด 4 วัน
1. คำนวณรายได้ "สูตรเดิม" (แนวปฏิบัติก่อนกฎหมายใหม่)
* รายได้ต่อวัน = ชั่วโมงทำงานต่อวัน × ค่าจ้างต่อชั่วโมง
= 12 ชั่วโมง × 46.5 บาท/ชั่วโมง
= 558 บาท
* รายได้ต่อเดือน = รายได้ต่อวัน × จำนวนวันทำงานต่อเดือน
= 558 บาท/วัน × 30 วัน
= 16,740 บาทต่อเดือน
2. คำนวณรายได้ "สูตรใหม่" (ตามอัตราในกฎกระทรวง พ.ศ. 2568)
* สำหรับวันทำงานปกติ (26 วัน):
* รายได้ 8 ชั่วโมงปกติ = 8 ชั่วโมง × 46.5 บาท/ชั่วโมง = 372 บาท
* รายได้ 4 ชั่วโมง OT (ตามกฎกระทรวง) = 4 ชั่วโมง × 46.5 บาท/ชั่วโมง × 1.25 เท่า = 232.5 บาท
* รายได้รวมต่อวันทำงานปกติ = 372 + 232.5 = 604.5 บาท
* รายได้รวม 26 วันทำงานปกติ = 604.5 บาท/วัน × 26 วัน = 15,717 บาท
* สำหรับวันหยุด (4 วัน):
* รายได้ 12 ชั่วโมงในวันหยุด (ตามกฎกระทรวง) = 12 ชั่วโมง × 46.5 บาท/ชั่วโมง × 2.5 เท่า = 1,395 บาท
* รายได้รวม 4 วันหยุด = 1,395 บาท/วัน × 4 วัน = 5,580 บาท
* รวมรายได้ต่อเดือน (ตามกฎกระทรวง พ.ศ. 2568):
= รายได้รวม 26 วันทำงานปกติ + รายได้รวม 4 วันหยุด
= 15,717 บาท + 5,580 บาท
= 21,297 บาทต่อเดือน
สรุปเปรียบเทียบรายได้
บทสรุป
การประกาศใช้กฎกระทรวง พ.ศ. 2568 และมีผลบังคับใช้วันที่ 24 เมษายน 2569 ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายที่สำคัญและส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อรายได้ของพนักงาน รปภ. โดยตรง
จากการคำนวณตามอัตราค่าล่วงเวลา 1.25 เท่าในวันทำงาน และ 2.5 เท่าในวันหยุด ตามที่กำหนดในกฎกระทรวงฉบับใหม่ พบว่าในตัวอย่างการทำงานกะ 12 ชั่วโมง/วัน เป็นเวลา 30 วัน/เดือนในพื้นที่ กทม.-ปริมณฑล รายได้ต่อเดือนของพนักงาน รปภ. จะเพิ่มขึ้นจาก 16,740 บาท เป็น 21,297 บาท หรือเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 27% เมื่อเทียบกับแนวปฏิบัติเดิม
การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่เป็นการยกระดับค่าตอบแทนให้มีความเป็นธรรมมากขึ้นสำหรับวิชาชีพที่ทำงานหนักและมีความสำคัญต่อความปลอดภัย แต่ยังเป็นการนำพนักงาน รปภ. เข้ามาอยู่ภายใต้การคุ้มครองของกฎหมายแรงงานอย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น ผู้ประกอบการธุรกิจรักษาความปลอดภัยจำเป็นต้องปรับโครงสร้างค่าใช้จ่ายและค่าตอบแทนให้ถูกต้องตามกฎหมายใหม่นี้ ในขณะที่พนักงาน รปภ. เองก็ควรทำความเข้าใจสิทธิของตนเอง เพื่อให้การทำงานและการจ่ายค่าตอบแทนเป็นไปอย่างโปร่งใสและถูกต้องตามกฎหมายเมื่อถึงกำหนดบังคับใช้ครับ
คำสำคัญ:
รปภ., ค่าล่วงเวลา รปภ., โอที รปภ., กฎหมาย รปภ. ใหม่, กฎกระทรวง รปภ., พนักงานรักษาความปลอดภัย, รายได้ รปภ., ค่าแรง รปภ., เปรียบเทียบรายได้ รปภ., อัตราโอที รปภ. 1.25 เท่า, 2.5 เท่าค่าทำงานในวันหยุด รปภ., พ.ร.บ. คุ้มครองแรง, รายได้เพิ่มขึ้น รปภ.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น