รปภ. 12 ชม. หรือ 8 ชม.? เตรียมรับมือกฎหมายใหม่ก่อนสาย! (สำหรับนายจ้าง)
ท่านเจ้าของกิจการ หรือผู้บริหารบริษัท รปภ. ครับ
ทุกวันนี้เราคุ้นเคยกับการจ้าง รปภ. ทำงานกะละ 12 ชั่วโมงกันเป็นส่วนใหญ่ เพราะคิดว่าใช้คนน้อยกว่า น่าจะประหยัดกว่า แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่อาจกระทบต้นทุนและความยุ่งยากของท่านโดยตรง?
ระบบ 12 ชั่วโมง ที่ทำกันอยู่ มีปัญหาอะไรซ่อนอยู่บ้าง?
* รปภ. เหนื่อยล้า: ทำงานยาวนาน พักผ่อนน้อย มีโอกาสหลับยาม ทำงานพลาด เสี่ยงต่อความปลอดภัยในพื้นที่ของลูกค้า และสุขภาพของ รปภ. เองก็แย่ลง
* หาคนแทนยาก: เวลา รปภ. ลาป่วย ลากิจกะทันหัน ท่านเจอปัญหาหาคนแทนไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องบังคับคนที่อยู่ให้ "ควงกะ" 24 ชั่วโมง หรือถึง 36 ชั่วโมงใช่ไหมครับ? แบบนี้อันตรายมาก
* เสี่ยงเรื่องกฎหมาย OT: ที่ผ่านมา ท่านอาจจะไม่ได้จ่ายค่าล่วงเวลา (OT) หรือจ่ายไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งก็มีความเสี่ยงอยู่แล้ว
เตรียมตัว! กฎหมายใหม่กำลังจะมา (บังคับใช้ เมษายน 2569)
มี "กฎกระทรวง" ใหม่ ที่ประกาศแล้ว และจะมีผลบังคับใช้ในเดือนเมษายน 2569 กำหนดว่า การทำงานเกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน ต้องจ่ายค่าล่วงเวลา (OT) ในอัตรา 1.25 เท่า ของค่าจ้างปกติ และถ้าทำงานในวันหยุดต้องจ่าย 2.5 เท่า
หมายความว่า:
* เลี่ยงไม่ได้: การจ้าง รปภ. 12 ชั่วโมง จะ ต้องจ่าย OT 1.25 เท่า สำหรับ 4 ชั่วโมงหลัง อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
* ต้นทุนเพิ่มแน่: จากเดิมที่อาจไม่เคยจ่าย หรือจ่ายไม่เต็ม ตอนนี้กลายเป็นต้นทุนที่ชัดเจนและหลีกเลี่ยงยาก
* เสี่ยงกว่าเดิม: หากไม่จ่าย หรือจ่ายไม่ถูก จะมีความเสี่ยงถูกตรวจสอบและลงโทษสูงขึ้น
แล้วทางเลือก "ระบบ 8 ชั่วโมง" (3 กะ) ล่ะ?
ลองมาดูข้อดีข้อเสียแบบตรงไปตรงมา:
* ข้อดี:
* ไม่ต้องจ่าย OT 1.25 เท่า: เพราะทำงานแค่ 8 ชั่วโมงตามกะปกติ (จ่ายแค่ค่าจ้างปกติ 8 ชั่วโมง) -> ถูกกฎหมาย 100% ลดความเสี่ยง
* รปภ. ไม่ล้า: มีเวลาพักผ่อนเพียงพอ ตื่นตัวกว่า ทำงานมีประสิทธิภาพกว่า ปลอดภัยกว่า
* ภาพลักษณ์ดี: ดูใส่ใจพนักงาน อาจเป็นที่พอใจของลูกค้ามากขึ้น
* ข้อเสีย (ความท้าทายใหญ่):
* ต้องหาคนเพิ่ม! จากเดิมใช้ 2 คนต่อจุด ต้องหาเพิ่มเป็น 3 คน -> นี่คือเรื่องปวดหัวที่สุด! จะหาคนดีๆ จากไหน?
* ต้องจ่ายเงินเดือน + ประกันสังคม ให้คนที่ 3 เพิ่ม
* ต้องจัดการตารางงานใหม่
คำถามสำคัญ: แล้วแบบไหน "แพงกว่า" กันแน่?
* ค่า OT 1.25 เท่า ที่ต้องจ่ายเพิ่มทุกวันในระบบ 12 ชั่วโมงนั้น "แพงกว่า" ค่าประกันสังคมของพนักงานคนที่ 3 มากๆ (อย่างที่คำนวณกัน ค่า OT เดือนละหลายพัน แต่ประกันสังคมส่วนนายจ้างแค่หลักร้อย)
* พอเอา "ค่า OT ที่ต้องจ่ายเพิ่ม" มาเทียบกับ "ค่าจ้าง + ประกันสังคม ของคนที่ 3" บางที ค่าใช้จ่ายรวมรายเดือนของระบบ 8 ชั่วโมง อาจจะ "พอๆ กัน" หรือ "ถูกกว่าเล็กน้อย" ด้วยซ้ำ! (ถ้า รปภ. ได้ค่าแรงขั้นต่ำ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ น้อย)
แต่!!! ปัญหาหลักจริงๆ อาจไม่ใช่ส่วนต่างราคาเล็กน้อยนี้ แต่คือ "จะหาคนดีๆ มาเพิ่มอีก 50% ได้อย่างไร?" และ "จะจัดการความยุ่งยากที่เพิ่มขึ้นไหวไหม?" นี่คือโจทย์ใหญ่ของนายจ้าง
ข้อเสนอแนะ: ท่านควรทำอะไรต่อจากนี้?
* อย่ารอช้า: กฎหมายมีผล เม.ย. 69 ดูเหมือนนาน แต่เวลาผ่านไปเร็ว ต้องเริ่มวางแผน "ตั้งแต่ตอนนี้"
* คำนวณต้นทุนจริง: ลองดูตัวเลขของบริษัทท่านจริงๆ ว่าระบบ 12 ชม. มีต้นทุน OT ใหม่เท่าไหร่? ต้นทุนแฝงจากความเหนื่อยล้า อุบัติเหตุ การหาคนแทน เป็นเท่าไหร่?
* ศึกษาความเป็นไปได้: ระบบ 8 ชั่วโมง ทำได้จริงไหม? ต้องปรับปรุงอะไรบ้าง? ลองหาข้อมูล สอบถามผู้รู้
* เตรียมแผนรับมือ: อาจจะต้องปรับโครงสร้าง ปรับราคาค่าบริการ (ต้องคุยกับลูกค้าแต่เนิ่นๆ) หรือหาทางเพิ่มประสิทธิภาพอื่นๆ
* มองระยะยาว: การปรับตัวอาจจะยากและมีต้นทุนช่วงแรก แต่การทำงานที่ถูกกฎหมาย พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อาจจะ ยั่งยืนกว่า และ ลดความเสี่ยง ให้ธุรกิจของท่านในระยะยาวได้
การเปลี่ยนแปลงกำลังจะมา การเตรียมตัวและปรับตัวเท่านั้นที่จะช่วยให้ธุรกิจของท่านผ่านไปได้ครับ!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น