“ทางลง” ของเขมร หรือ “กับดัก” ของไทย? – วิเคราะห์คำเตือนจาก Wassana Nanuam
สถานการณ์การหยุดยิงฉับพลันระหว่างไทยและกัมพูชา กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในความขัดแย้งชายแดนที่ส่อเค้ารุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ท่ามกลางแรงกดดันระหว่างประเทศ และการแทรกแซงของมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ เสียงจากสื่อความมั่นคงชื่อดัง Wassana Nanuam ได้สะท้อนมุมมองเชิงวิพากษ์ออกมาอย่างเฉียบขาด
โพสต์ของเธอไม่เพียงแต่ตั้งคำถามต่อผลลัพธ์ของการหยุดยิงครั้งนี้ หากยังชี้ให้เห็น “กับดัก” ทางยุทธศาสตร์ที่อาจรออยู่ข้างหน้า และเตือนว่าความผิดพลาดในอดีตอาจย้อนกลับมาทำร้ายไทยอีกครั้ง หากไม่ระวัง
---
🔥 หยุดยิง = เขมรไม่เสียหน้า แต่ไทยจำต้องถอย?
Wassana ระบุว่า การประกาศหยุดยิงทันทีภายหลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้ามาไกล่เกลี่ยนั้น เป็นเสมือน “ทางลงที่ดูดี” สำหรับกัมพูชา เพราะไม่ต้องแสดงท่าทีขอเจรจาเหมือนในปี 2554 ต่างจากฝั่งไทยที่ถูกแรงกดดันเรื่องเศรษฐกิจและภาษีจนต้องจำใจยุติความขัดแย้งโดยยังไม่ได้บรรลุ “มิชชั่น” ที่ควรจะได้ก่อนลงนาม
โดยเฉพาะประเด็นที่ไทยยัง ไม่ได้ยึดคืน "ปราสาทตาควาย" อย่างสมบูรณ์ และ กัมพูชายังไม่ถอนคำร้องเรื่อง 3 ปราสาท ออกจากเวทีระหว่างประเทศ เช่น ศาลโลก (ICJ) และสมัชชาสหประชาชาติ (UNGA) ซึ่งถือเป็น เงื่อนไขสำคัญที่ไทยควรใช้ต่อรองก่อนยอมปลดอาวุธ
---
⚠️ บทเรียนจากอดีต: อย่าซ้ำรอยปี 2554
จุดเตือนสำคัญของ Wassana คือการย้ำว่า ไทยเคยเสียเปรียบมาแล้วจากการเจรจาในปี 2554 ที่ขาดความพร้อมด้านยุทธศาสตร์และการทูต โดยเฉพาะหากไม่มี ฝ่ายทหารที่รู้พื้นที่และมีประสบการณ์จริง เข้าไปมีบทบาทในโต๊ะเจรจา เขมรอาจใช้เทคนิคทางกฎหมายและการสื่อสารเพื่อบิดเบือนหรือเลี่ยงข้อตกลง
เธอเตือนว่า “เล่ห์เขมร” ไม่ใช่เรื่องใหม่ และไทยไม่ควรยอมแม้แต่รายละเอียดเล็กน้อย เพราะทุกครั้งที่ปล่อยผ่าน กลับกลายเป็นการเสียเปรียบระยะยาว
---
💣 ขยายแนวรบ: คาลิโน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมข้ามชาติ
สิ่งที่น่าสนใจคือ Wassana ไม่เพียงมองปัญหาแค่ชายแดน แต่ยังเชื่อมโยงไปถึง โครงข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ ที่มีฐานอยู่ในฝั่งกัมพูชา เช่น เมือง “คาสิโน” ซึ่งกลายเป็นแหล่งซ่องสุมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และขบวนการค้ามนุษย์ที่ยังไม่ถูกขจัด
เธอตั้งคำถามว่า ไทยจะปล่อยให้ “คาสิโน” อยู่รอดปลอดภัยต่อไปหรือไม่? และนี่คือโอกาสที่ไทยควรใช้เจรจาให้รื้อถอนฐานอาชญากรรมเหล่านี้ไปพร้อมกัน
---
🧠 วิพากษ์เชิงยุทธศาสตร์: ปลุกให้ไทยกล้าต่อรอง
โพสต์นี้อาจดูรุนแรงด้วยถ้อยคำ แต่หากมองในแง่ยุทธศาสตร์ ก็สะท้อนมุมมองที่ต้องการให้ไทย "กล้าต่อรอง" มากกว่ากลัวแรงกดดันนานาชาติ Wassana ไม่ได้คัดค้านการหยุดยิง แต่ตั้งคำถามว่า “เราหยุดเพื่ออะไร” และ “เราได้อะไรตอบแทนหรือไม่”
เธอเสนอให้รัฐไทย ยกระดับการเจรจาเป็นแบบมีเงื่อนไข ไม่ใช่แค่หวังให้สถานการณ์สงบในระยะสั้น โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ระยะยาว
---
⚖️ ข้อควรระวัง: ภาษาและอคติ
แม้โพสต์จะเข้มข้นด้วยข้อมูล แต่การใช้ภาษาที่เหมารวม เช่น “เขมรไม่หลาบจำ”, “เล่ห์เขมร” หรือ “บิดพริ้ว” อาจสร้างอคติในระดับประชาชนทั่วไป และนำไปสู่กระแสเกลียดชังที่อาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนสองประเทศได้
ผู้เสพข่าวควรแยกแยะระหว่าง “รัฐกัมพูชา” กับ “ประชาชนกัมพูชา” และไม่เหมารวมทุกฝ่ายเป็นศัตรู
---
📌 บทสรุป
โพสต์ของ Wassana Nanuam คือเสียงสะท้อนจากภาคความมั่นคงที่ต้องการเตือนรัฐบาลไทยว่า "การหยุดยิงไม่ใช่ชัยชนะ หากเราไม่กล้าต่อรอง" พร้อมกับยกบทเรียนจากอดีตมาสร้างภูมิคุ้มกันทางการทูต
แม้ภาษาจะรุนแรง แต่ประเด็นที่เสนอมีน้ำหนัก โดยเฉพาะการเจรจาอย่างรอบคอบ การตั้งเงื่อนไขระยะยาว และการรวมมิติ “อาชญากรรมข้ามชาติ” เข้าไว้ในเกมการเมืองระหว่างประเทศ
การเจรจาครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่ “หยุดยิงหรือไม่” แต่คือการวางตำแหน่งของประเทศไทยในฐานะผู้มีอำนาจต่อรองที่แท้จริงบนเวทีโลก
🔖 #แฮชแท็ก:
#ThaiCambodiaConflict
#หยุดยิงไทยเขมร
#CambodiaOpenedFire
#เขมรบุกรุก
#ไทยต้องไม่เสียเปรียบ
#หยุดยิงแต่ต้องมีเงื่อนไข
#3ปราสาทคือของไทย
#ปราสาทตาควาย
#ICJ
#UNGA
#เจรจาชายแดน
#กับดักเขมร
#คาลิโน
#แก๊งคอลเซ็นเตอร์
#แก๊งสแกมเมอร์
#อาชญากรรมข้ามชาติ
#CambodiaScamBase
#หยุดคาสิโน
#แผ่นดินของเรายอมเป็นของเราอยู่ดี
#ประเทศไทยต้องชนะ
#เพื่ออธิปไตยไทย
#ไม่ยอมเสียแม้ตารางนิ้วเดียว
#นักเจรจาต้องไว้ใจได้
#บทเรียนปี54
#WassanaNaNuam
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น