จ่ายสมทบ 0 บาท กี่เดือนยังคงใช้สิทธิประกันสังคมได้


ส่งเงินสมทบประกันสังคม มาตรา 33 ศูนย์บาท จะได้รับความคุ้มครองหรือไม่อย่างไร?

ประกันสังคมมาตรา 33 มีสิทธิประโยชน์ ตามพระราชบัญญัติ พ.ศ.2533 ลูกจ้างผู้ประกันตนมีสิทธิ ได้รับสิทธิประโยชน์ และความคุ้มครอง รวม 7 กรณี

  1. เจ็บป่วย หรือประสบอันตราย (อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน)
  2. ทุพพลภาพ (อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน)                                
  3. ตาย (อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน)
  4. คลอดบุตร
  5. สงเคราะห์บุตร
  6. ชราภาพ
  7. ว่างงาน
มีคำถามว่าผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบ 0.00  ศูนย์บาท จะยังคงได้รับความคุ้มครองหรือไม่อย่างไร 

ภาพข้างต้น ส่ง 0.00 บาทเพราะนายจ้างปิดกิจการชั่วคราวเพราะโรงงานมีพนักงานติดโควิด 19 นาน 1 เดือน และเลยไม่เก็บเงินสมทบพนักงานและส่งศูนย์บาทให้ประกันสังคม 

ภาพนี้เนื่องจากผู้ประกันตนเจ็บป่วย 5 เดือน ไม่มีรายได้ก็ส่งประกันสังคมให้ลูกจ้าง 0.00 บาท ลูกจ้างก็ยังเป็นผู้ประกันตนตามปกติ 

ตามคำถามขออธิบายโดยแต่ละกรณีมีหลักเกณฑ์การเกิดสิทธิต่างๆ ไป ดังนี้
 
  1. เจ็บป่วย หรือประสบอันตราย (อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน) : ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนวันรับบริการทางการแพทย์ จึงจะได้รับสิทธิ
  2. ทุพพลภาพ (อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน)   ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนทุพลภาพ                           
  3. ตาย (อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน) ผู้ประกันตน ที่จ่ายเงินสมทบอย่างน้อย 1 ใน 6 เดือนก่อนเดือนที่เสียชีวิต ได้รับค่าทำศพ 50,000 บาท
  4. คลอดบุตร ผู้ประกันตนส่งเงินสมทบแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือนภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนคลอดบุตร
  5. สงเคราะห์บุตร ผู้ประกันตนส่งเงินสมทบแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือนก่อนเดือนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุต
  6. ชราภาพ : ส่ง 1-11 เดือนได้คืนส่วนของผู้ประกันตน ส่ง 12-179 งวดได้รับเป็นบำเหน็จชราภาพ พร้อมผลประโยชน์ตอบแทน ได้ทั้ง ส่วนของผู้ประกันตน นายจ้าง และรัฐบาลบางปี ส่ง 180 งวดขึ้นไปได้บำนาญชราภาพรายเดือนตลอดชีพ 
  7. ว่างงาน : ต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนการว่างงาน

ดังนั้นแต่ละสิทธิประกันสังคมจึงสามารถส่งเงินสมทบ 0.00 บาท ได้สั้นยาวไม่เท่ากันตามระยะเวลาเงื่อนไขการเกิดสิทธิ และระยะเวลา ข้างต้น 


  1. เจ็บป่วย หรือประสบอันตราย (อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน) 15 เดือน - 3 เดือน = 12 เดือน
  2. ทุพพลภาพ (อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน)  15 เดือน  - 3 เดือน = 12 เดือน                             
  3. ตาย (อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน) 6 เดือน - 1เดือน = 5 เดือน
  4. คลอดบุตร 15 เดือน -5 เดือน = 10 เดือน
  5. สงเคราะห์บุตร 36 เดือน -12 เดือน = เ24 ดือน
  6. ชราภาพ ไม่มีกำหนด ได้สิทธิตามจำนวนเดือนที่ส่งสมทบ
  7. ว่างงาน 15 เดือน - 6 เดือน = 11 เดือน 

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

อัตราผลประโยชน์เงินบำเหน็จชราภาพ ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 ปีล่าสุด 2566

รูปภาพ
อัตราการจ่ายเงินผลประโยชน์ตอบแทน หลังมีประกาศสำนักงานประกันสังคมเรื่องอัตราผลประโยชน์เงินบำเหน็จชราภาพ ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 18 มีนาคม 2566 เป็นต้นมา 20 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักงานประกันสังคม อัตราผลประโยชน์เงินบำเหน็จชราภาพผู้ประกันตน ม.33, 39 ซึ่งมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2566 เป็นต้นมา โดยประกาศฉบับนี้มีสาระสำคัญระบุว่า ผลประโยชน์ตอบแทนเงินบำเหน็จชราภาพให้คำนวณจ่ายใน อัตราร้อยละ 3.46 ต่อปี จากเดิมในปี 2565 ให้คํานวณจ่ายในอัตรา ร้อยละ 2.83 ต่อปีของเงินสมทบสุทธิและผลประโยชน์ตอบแทนสะสมรวมกัน รายการอัตราผลประโยชน์รายปีตั้งแต่ พ.ศ. 2542 ถึงปัจจุบัน 2567  (เปอร์เซ็นต์ต่อปี) 2542 = 2.40 % 2543 = 3.70 % 2544 = 4.20 % 2545 = 4.30 % 2546 = 6.50 % 2547 = 2.00 % 2548 = 3.90 % 2549 = 4.45 % 2550 = 6.30 % 2551 = 0.10 % 2552 = 4.05 % 2553 = 4.25 % 2554 = 4.08 % 2555 = 4.15 % 2556 = 4.27 % 2557 = 3.66 % 2558 = 3.21 % 2559 = 3.65 % 2560 = 3.61 % 2561 = 3.16 % 2562 = 4.52 % 2563 = 2.75 % 2564 = 2....
อ่านเพิ่มเติม

หมอบูรณ์ คือใคร (ประวัติหมอบูรณ์)

รูปภาพ
  ประวัติ หมอบูรณ์ ประกันสังคม บูรณ์ อารยพล (หมอบูรณ์ หรือ หมอบูนา) ชายอายุ 48 ปีเต็มในวันที่ 22 มิถุนายน 2564 นักรณรงค์เพื่อสิทธิของผู้ประกันตน เป็นอดีตนายสัตวแพทย์เรียนจบการศึกษาสัตวแพทยศาสตร์บัณฑิตจากจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย (เกียรตินิยม) และนิติศาสตร์บัณฑิตจากมหาลัยรามคำแหง ทำงานเป็นลูกจ้างประจำในวงการยาสัตว์ พันธุ์สุกร อาหารปศุสัตว์ และเคยทำงานรับจ้างเป็นหมอสัตว์เล็ก(สัตว์เลี้ยงเพื่อเป็นเพื่อน) ในคลินิคช่วงระยะเวลาสั้นๆ ปัจจุบันเกษียณจากงานประจำมาเป็นผู้จัดการ ศิลปินก๊อปปี้โชว์ เคยเป็นผู้ประกันตนที่มีนายจ้างตามมาตรา 33 ในระบบประกันสังคมตั้งแต่ปี 2540 และหันมาประกอบอาชีพอิสระในปี 2558 กลายมาเป็นผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบด้วยตนเองตามมาตรา 39 จนถึงปัจจุบัน  โดยเมื่อเกิดการระบาดวิกฤตโควิด 19 ทำให้งานอดิเรกเกี่ยวกับ ก๊อปปี้โชว์ ที่ทำอยู่ได้รับผลกระทบ จึงได้หันมารณรงค์เรื่องสิทธิของผู้ประกันตนเพราะต้องการเงินที่สะสมไว้กับประกันสังคมบางส่วนมาใช้จ่ายในกรณีที่ไม่มีรายได้ในกองทุนประกันสังคมโดยเฉพาะในเรื่องของสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ  เมื่อเข้าไปร่วมกับกลุ่มต่างๆ ที่กำลังรณร...
อ่านเพิ่มเติม

อัตราผลประโยชน์ตอบแทนเงินบำเหน็จชราภาพ ม.33 และ ม.39 รวม 22 ปี พ.ศ. 2542-2563

รูปภาพ
รวบรวมอัตราผลประโยชน์ตอบแทนเงินบำเหน็จชราภาพ ม.33 และ ม.39 รวม 22 ปี พ.ศ. 2542-2563  ที่มา 1506 (สายด่วนประกันสังคม) และค้นจากหนังสือราชกิจจานุเบกษา โดยพบว่า ประกาศจากสำนักงานประกันสังคมฉบับแรก เรื่องกำหนดอัตราผลประโยชน์ตอบแทนเงินบำเหน็จชราภาพ ประจำปี พ.ศ.  2542 ให้จ่ายในอัตราร้อยละ 2.40 ต่อปี ของเงินสมทบสุทธิ ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ 2542 ประกาศเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2542 โดยมีนายรังสฤษฎ์ จันทรัตน์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคมเป็นผู้ลงนาม ประกาศฉบับล่าสุด อัตราผลประโยชน์ตอบแทนเงินบำเหน็จชราภาพ ของปี พ.ศ. 2563 ให้คำนวนจ่ายในอัตราร้อยละ 2.75  ต่อปี ของเงินสมทบสุทธิ* และผลประโยชน์ตอบแทนสะสมรวมกัน ประกาศเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 ลงนามโดยนายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ตลอด 22 ปี ของการประกาศอัตราผลประโยชน์ตอบแทนเงินบำเหน็จชราภาพ พบว่าปีที่จ่ายอัตราผลประโยชน์สูงสุดและต่ำสุดคือปี พ.ศ. 2546 และ พ.ศ. 2551 คือ จ่ายในอัตราร้อยละ 6.5 และ 0.10 ต่อปี  รายการอัตราผลประโยชน์รายปีตั้งแต่ พ.ศ. 2542 ถึงปัจจุบัน 2563 (เปอร์เซ็นต์ต่อปี) 2542 = 2.40 % 2543 = 3....
อ่านเพิ่มเติม